Secondary

Languages

คำถามที่พบบ่อย - การชำระหนี้

การรายงานสถานภาพการศึกษาโดยสถานศึกษา

สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างปี หรือจบการศึกษา สถานศึกษาต้องรายงานสถานภาพ ตามจริง โดยระบบจะมีให้สถานศึกษารายงาน เช่น ศึกษาต่อในสถานศึกษานั้นๆ ผู้กู้ยืมรายเก่าเลื่อนชั้นปีที่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเงินในสถานศึกษาปัจจุบัน สำเร็จการศึกษา ลาออก ให้ออก 


การรายงานสถานภาพการศึกษาโดยผู้กู้

สำหรับผู้กู้ที่ต้องรายงานจะเกิดจาก กรณีดังนี้

กรณีที่ 1 ผู้กู้ยืมเงินมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างปี เช่น ย้ายสถานศึกษา หรือ ไม่กู้ยืมเงินต่อ

กรณีที่2 ผู้กู้ยืมเงินที่ศึกษาอยู่ในสถานศึกษาที่ไม่ได้เข้าร่วมดำเนินงานกับกองทุน

ดังนั้น  เพื่อรักษาสถานภาพการศึกษา ว่า “กำลังศึกษาอยู่” ระบบDSLจะแจ้งเตือน ให้ผู้กู้มารายงานสถานภาพ เมื่อพบว่าไม่มีการรายงานสถานภาพมาแล้ว 1 ปี (365 วัน) นับจากวันที่รายงานสถานภาพครั้งล่าสุด โดยจะแจ้งเตือนผ่าน Email และ Notification ให้ผู้กู้ยืมเข้าระบบเพื่อรายงานสถานภาพ โดยระบบจะมีให้ดาวน์โหลด กยศ.204 เพื่อรายงานและลงนามรับรองโดยสถานศึกษาปัจจุบัน และสแกนข้อมูลเข้ามาในระบบ หากยังไม่ถึงระยะเวลา365 วัน ฟังก์ชันการรายงานสถานภาพจะไม่ขึ้นค่ะ ดังนั้น ผู้กู้ยืมเงินยังไม่ต้องดำเนินการใดๆเพราะรายงานสถานภาพจะไม่มีปุ่มแจ้งเตือน ให้คลิกค่ะ

 

ปล. ปัจจุบันระบบเป็นแบบนี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือให้สามารถรายงานได้ก่อนระยะเวลาเตือน 365 วัน

 

 

 

  1. ผู้กู้ยืมเงินต้องชำระเงินกู้ยืม พร้อมทั้งดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใดร้อยละ 1 ต่อปี โดยต้องคืน ให้กองทุนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี นับแต่วันที่ต้องเริ่มชำระหนี้
  2. ให้ผู้กู้ยืมเงินชำระหนี้งวดแรก ภายในวันที่ 5 กรกฎาคม หลังจากครบระยะเวลาปลอดหนี้ 
  3. การชำระหนี้งวดต่อๆไปให้ผู้กู้ยืมเงินชำระเงินต้นคืน ตามอัตราผ่อนชำระที่กองทุนกำหนด พร้อมด้วยดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใด ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปีของเงินต้นที่คงค้าง ภายในวันที่ 5 กรกฎาคมของทุกปี
  4. หากผู้กู้ยืมเงินผิดนัดชำระหนี้ ผู้กู้ยืมเงินจะต้องชำระค่าปรับ หรือค่าธรรมเนียมจัดการกรณีผิดนัดชำระหนี้ตามอัตราที่กองทุนกำหนด
  5. ผู้กู้ยืมเงินที่มีความประสงค์จะขอชำระหนี้คืนก่อนครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ หรือก่อนครบระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี สามารถชำระคืนได้โดยไม่เสียดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใด

หมายเหตุ
(ก)ให้ผู้กู้ยืมเงินไปติดต่อแสดงตน ขอชำระหนี้ และเลือกวิธีการผ่อนชำระเป็นรายปี หรือรายเดือนกับผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมได้ทุกสาขาก่อนที่จะครบระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี
(ข)กรณีผู้กู้ยืมเงินยังอยู่ในระหว่างการศึกษา แต่ไม่ได้กู้ยืมในปีการศึกษาใด ต้องแจ้งสถานภาพการศึกษาต่อผู้บริหารและจัดการเงินให้กู้ยืมโดยให้นำใบรับรองจากสถานศึกษา และเลขบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ของผู้กู้ไปแสดงทุกปีจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา

  • การขอผ่อนผันการชำระหนี้สามารถทำได้แต่จะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ทางกองทุนฯ กำหนด

รายละเอียดการผ่อนผันการชำระหนี้ https://www.studentloan.or.th/th/highlight/1548649297

กองทุนจะระงับการเรียกให้ชำระหนี้ กรณีที่ผู้กู้ยืมเงินพิการหรือทุพพลภาพ จนไม่สามารถประกอบการงานได้ โดยผู้กู้ยืมต้องแจ้งเรื่องขอระงับการเรียกให้ชำระหนี้ให้กองทุนพิจารณาตามหลักเกณฑ์
ผู้กู้ยืมต้องไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นผู้พิการหรือไม่ ถ้าได้รับมาแล้วให้นำใบรับรองแพทย์ไปทำบัตรคนพิการ หากอยู่ต่างจังหวัดให้ไปที่สำนักงานพัฒนาสังคมประจำจังหวัดที่ผู้กู้ยืมอยู่
ยื่นแบบฟอร์มหนังสือรับรองความสามารถการประกอบการงานของผู้พิการหรือทุพพลภาพ (กยศ.207) พร้อมแนบเอกสารหลักฐาน ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวผู้พิการ หนังสือรับรองแพทย์ที่เป็นปัจจุบัน โดยโรงพยาบาลระบุอาการความพิการโดยละเอียด

ในกรณีที่ผู้กู้ยืมทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบการงานได้จะต้องแจ้งเรื่องขอระงับการเรียกให้ชำระหนี้ที่  กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยผู้กู้ยืมต้องแนบหลักฐาน ดังนี้

  1. สำเนาบัตรประจำตัวผู้พิการที่ไม่หมดอายุ
  2. ใบรับรองแพทย์ที่เป็นปัจจุบัน โดยให้แพทย์บรรยายรายละเอียดของความพิการที่เป็นอยู่โดยโรงพยาบาล และไม่เกิน 90 วัน (ใช้ฉบับ จริง)
  3. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้ยืม
  4. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ค้ำประกันทุกคน
  5. สำเนาสัญญากู้ยืมเงิน กยศ./กรอ. (ถ้ามี)
  6. หนังสือรับรองความสามารถประกอบการงานของผู้พิการ พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการที่รับรองความสามารถฯ
    โดยกองทุนฯ จะได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ เพื่อทำการระงับการเรียกให้ชำระหนี้ต่อไป
กรณีที่ผู้กู้ยืมถึงแก่ความตายให้สัญญากู้ยืมเงิน หน้าที่ และความรับผิดชอบ ที่ผู้กู้ยืมเงินมีต่อกองทุนเป็นอันระงับไป โดยให้ญาติแจ้งธนาคารกรุงไทย/ธนาคารอิสลามฯ ทราบ โดยยื่นเอกสารหลักฐานเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ ดังนี้​
 
-  สำเนาใบมรณบัตรของผู้กู้ยืมเงิน
 
-  สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้ยืมเงิน
 
-  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืม (ถ้ามี)
 
-  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้ง
 
* รายละเอียดเพิ่มเติม ...คลิก  

สามารถทำได้ โดยแบ่งชำระให้แล้วเสร็จก่อนวันครบกำหนดชำระหนี้ประจำปี ที่ บมจ. ธนาคารกรุงไทย / ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ทุกสาขา ซึ่งยอดที่แบ่งชำระรวมแล้วเงินต้นจะต้องไม่น้อยกว่ายอดที่กำหนดให้ในแต่ละปี

ผู้กู้ยืมที่หยุดกู้ยืม แต่ยังคงศึกษาอยู่ จะต้องแจ้งสถานภาพการเป็นนักศึกษา ให้กองทุนทราบทุกปีจนกว่าจะจบการศึกษา ซึ่งหากไม่รายงานสถานภาพการศึกษาต่อกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจะถือว่าผู้กู้ยืมเงินได้สำเร็จการศึกษาหรือเลิกศึกษาแล้ว และจะต้องเริ่มต้นชำระหนี้งวดแรกนับแต่วันที่สำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาตามระเบียบ หลักเกณฑ์ ที่กองทุนกำหนด
 

ผู้กู้ยืมสามารถตรวจสอบยอดหนี้ได้ 2 วิธี คือ

 
1. ผ่านช่องทาง Mobile Application "กยศ. Connect" 
2. ผ่านทางเว็บไซต์  https://wsa.dsl.studentloan.or.th

  • ช่องทางและวิธีการชำระหนี้ ...คลิก

จำนวนเงินดอกเบี้ยที่ปรากฏตามตาราง ได้คำนวณยอดไว้เป็นรายปี โดยนับจากวันที่ 5 ก.ค เป็นหลัก ดังนั้น หากการชำระหนี้ ที่ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ 5 ก.ค หรือชำระหนี้หลังวันที่ 5 ก.ค. ของแต่ละปี ยอดดอกเบี้ยที่ต้องชำระจริงจะเปลี่ยนแปลงไปตามจำนวนวันที่มาชำระหนี้
ซึ่งมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ย ดังนี้

วิธีคำนวณดอกเบี้ย ยอดหนี้คงเหลือ X 1% (อัตราดอกเบี้ย) หาร 365 วัน **เท่ากับอัตราดอกเบี้ยจะเดินเป็นรายวันจนกว่าเงินต้นจะหมด
หมายเหตุ การชำระหนี้ก่อนกำหนดจะไม่สามารถยึดการผ่อนจ่ายตามตารางได้ เนื่องจากในการคำนวณหนี้ในตารางได้กำหนดวันจ่ายที่ 5 ก.ค ของทุกปี และได้มีการคิดนวณดอกเบี้ยเรียบร้อยแล้วทุกปี กรณีที่ผู้กู้จ่ายก่อนจะทำให้มีดอกเบี้ยที่เกินขึ้นน้อยกว่าในตาราง ให้ผู้จ่ายยอดตามหน้าระบบแทน 

กองทุนจะมีหนังสือแจ้งภาระหนี้ ส่งไปถึงผู้กู้ยืม 1 ครั้ง ก่อนวันครบกำหนดชำระหนี้งวดแรก โดยจะส่งไปยังที่อยู่เดิมตามภูมิลำเนาของผู้กู้ยืม หรือตามที่อยู่ตามทะเบียนราษฎร์

สามารถทำได้ โดยจำนวนเงินที่เกินยอดหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละงวด ระบบจะนำไปลดยอดเงินต้น แต่ไม่ได้นำไปลดยอดเงินที่ต้องชำระในงวดต่อไป กล่าวคือ ผู้กู้ยืมยังคงมีหน้าที่ต้องชำระเงินในงวดต่อไปเต็มตามจำนวนที่กำหนดในตารางผ่อนชำระหนี้ แต่เงินจำนวนดังกล่าวจะถูกนำไปลดยอดเงินต้นในงวดสุดท้ายที่ผู้กู้ยืมจะต้องชำระ

วิธีการนับระยะเวลาปลอดหนี้หลังจบการศึกษาหรือเลิกการศึกษา ตัวอย่างเช่น ผู้กู้ยืมเรียนปีสุดท้ายปีการศึกษา 2563 ซึ่งจบการศึกษาช่วงกลางปี พ.ศ. 2564 จะมีระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี ดังนั้น ผู้กู้ยืมจะครบกำหนดชำระหนี้ครั้งแรกในปี 2566 (5 กรกฎาคม 2566)

  • รายละเอียดเพิ่มเติม ...คลิก